ทุกวันนี้ยังมีใครชอบการจดและการ ‘เขียน’ ด้วยลายมือมากกว่าการ ‘พิมพ์’ ตัวอักษรลงบนแป้นคีย์บอร์ดบ้าง แม้การพิมพ์ด้วยคอมพิวเตอร์จะสะดวกกว่า รวดเร็วกว่า ไม่เมื่อยมือ แต่รู้ไหมว่า การเขียนด้วยมือนั้นมีข้อดีมากมายกว่าอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง แบบที่การพิมพ์ไม่มีทางจะสู้ได้เลย เราลองมาดูกันว่าการเขียนด้วยลายมือมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
การเขียนด้วยมือนับเป็นการใช้พลังสมองที่การพิมพ์ทำไม่ได้ โดยการจดปากกาหรือดินสอลงบนกระดาษนั้นสามารถพัฒนาระบบการคิด คือเป็นการฝึกสมองส่วนต่างๆ ให้ทำงานต่างกัน เมื่อเราได้ฝึกอ่านผ่านการเขียนด้วยมือ ก็จะได้ฝึกการใช้กล้ามเนื้อสายตาและมือให้ประสานสัมพันธ์กันด้วย นอกจากนี้ยังช่วยให้จิตใจสงบได้อย่างไม่น่าเชื่อ
การเขียนตัวอักษรแต่ละตัวทำให้มือมีการเคลื่อนไหวที่แตกต่างกัน เนื่องจากต้องเขียนมากกว่าหนึ่งเส้น ซึ่งการเขียนตัวอักษรที่มีเส้นสายต่างๆ กันบ่อยๆ จะช่วยให้กล้ามเนื้อมือพัฒนา มีความคล่องแคล่วมากขึ้น
นอกจากนี้นักจิตวิทยาหลายคนลงความเห็นว่า การเขียนบางสิ่งด้วยมือมีผลต่อความจำระยะยาวของมนุษย์ โดยในการวิจัยที่ชื่อว่า ‘ปากกามีพลังมากกว่าคีย์บอร์ด’ พบว่า นักเรียนที่จดเนื้อหาการเรียนด้วยการเขียนจะมีระบบความคิดที่ดี สามารถเข้าใจเนื้อหา จดจำ และสามารถถ่ายทอดด้วยคำพูดของตัวเองได้ดีกว่านักเรียนที่ใช้แล็ปท็อป
การเขียนด้วยมือจะทำให้สมองซีกซ้ายและขวาทำงานเท่ากันทั้งสองซีก นั่นก็คือการลงมือเขียนและใช้ภาษาจะช่วยให้สมองซีกซ้ายทำงาน ส่วนเส้นสายที่โค้งหรือหยักของตัวอักษรจะช่วยส่งเสริมการทำงานด้านศิลปะซึ่งเป็นหน้าที่ของสมองซีกขวา
ความบกพร่องด้านการเรียนรู้เกิดขึ้นจากการทำงานที่ไม่ประสานกันของการได้ยินและสมองส่วนที่ทำงานด้านภาษา ซึ่งในการเขียนด้วยมือนั้นจะช่วยพัฒนาการทำงานของทั้งสองระบบให้เชื่อมโยงกันได้ดีขึ้น นอกจากนี้การเขียนยังช่วยรักษาโรคสมาธิสั้นได้ เพราะเมื่อความคิดทำงานพร้อมๆ กับปากกาหรือดินสอ มันก็จะไม่หลงทางไปไหนระหว่างตัวอักษร ทำให้สมาธิดีขึ้น
นอกจากการเขียนด้วยมือจะพัฒนาด้านต่างๆ ได้แล้ว ยังพบว่าการฝึกเขียนให้สวยยังสัมพันธ์กันกับการเรียนที่ดีขึ้น และเมื่อเด็กๆ มีความสำเร็จในด้านการเรียน ความมั่นใจก็จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งก็จะส่งผลให้เกิดความสำเร็จในด้านอื่นๆ ต่อกันเป็นทอดๆ
นักเขียนจำนวนมากเลือกที่จะเขียนงานลงบนกระดาษก่อนพิมพ์ลงในคอมพ์ เนื่องจากการเขียนด้วยมือมีกระบวนการความคิดและการลงมือทำที่ช้ากว่าการพิมพ์ จึงทำให้เราได้อยู่กับตัวเอง จดจ่อกับสิ่งที่เขียน และมองภาพรวมได้อย่างดี แถมยังแตกย่อยความคิดและสิ่งที่เขียนได้กว้างขึ้น ซึ่งนั่นเป็นบ่อเกิดของความคิดสร้างสรรค์และแรงบันดาลใจอีกมากมาย