ถ้าพูดถึงคาแร็กเตอร์ที่ชอบแล้วละก็ ขอยกให้ตัวละครหัวเหลืองเลยครับ เพราะนอกจากมีสีผมที่ดูสะดุดตามากกว่าตัวละครอื่นๆ แล้ว ทั้งหน้าตา บทบาท และความสามารถก็ยังเด่นไม่แพ้กันอีกด้วย เผลอๆ บางคนเป็นตัวแย่งซีนสุดๆ ในระดับที่ตัวเอกจริงๆ ถึงกับชิดซ้าย โดนบดบังรัศมีกันเลยทีเดียว แล้วแบบนี้จะไม่ให้หลงรักตัวละครเหล่านี้ได้อย่างไรล่ะครับ?
วันนี้จะมาแนะนำตัวละครหัวเหลืองที่ใครเห็นจะต้องจำได้แน่ๆ ในโลกการ์ตูน ซึ่งได้หยิบเลือกมาทั้งหมด 7 คนด้วยกัน จะมีใครบ้าง ตามไปดูกันเลย เชื่อว่าถ้าอ่านจบแล้วเพื่อนๆ จะต้องอยู่ทีม #หัวเหลือง แน่นอน อิอิ
เยลโล่ว์
เริ่มต้นด้วย พ่อหนุ่ม เอ้ย แม่สาวผมเหลืองนี้ก่อนเลยครับ แค่ชื่อก็เหลืองมาเลยครับ (ฮา) แรกเริ่มเดิมที เยลโล่ว์เป็นเด็กสาวธรรมดาคนนึงที่อาศัยอยู่ในบ้านใกล้ๆ กับป่าโทคิวะ และเคยได้รับการช่วยเหลือจากเรดในระหว่างที่กำลังจะถูกโปเกมอนป่าทำร้ายอีกด้วย เธอเป็นเด็กที่รักโปเกมอนมากๆ และเคารพเรดสุดๆ อีกด้วย แต่ใครจะไปรู้ว่า จริงๆ แล้วเธอมีพลังพิเศษ อันเป็นพลังที่เกิดขึ้นเฉพาะเด็กที่เกิดในป่าโทคิวะเท่านั้น เธอสามารถรักษาบาดแผลโปเกมอนได้ แถมยังสามารถอ่านจิตใจของโปเกมอนได้อีก นับว่าเป็นพลังที่ดีสุดๆ แต่เธอกลับไม่ค่อยมีความสามารถในด้านแบตเทิลเอาซะเลย แต่หลังจากที่เธอได้ผ่านเหตุการณ์การจู่โจมของพวก 4 จักรพรรดิมาได้ ก็ทำให้เธอได้อัพสกิลความสามารถด้านการแบตเทิลมามากเลยทีเดียว ถึงขนาดที่เอาชนะวาตารุ หัวโจกแห่ง 4 จักรพรรดิมาได้ ก็ถือว่าไม่ธรรมดาสุดๆ แล้วล่ะครับผม
คุราปิก้า
เด็กหนุ่มหัวเหลืองเพื่อนของกอร์น ผู้ใช้โซ่ที่เกิดจากเน็นเป็นอาวุธ มีหน้าตาสวยที่แม้แต่ผู้หญิงด้วยกันยังอิจฉา (ฮา) แต่เขากลับมีประวัติที่น่าเศร้า โดยเขาเป็นเด็กจากเผ่าคูลท์ที่เหลือรอดเพียงไม่กี่คนจากการสังหารหมู่ของแก๊งแมงมุม ทำให้คุราปิก้าสาบานว่าจะล้างแค้นให้กับชาวเผ่าคูลท์ให้จงได้ ด้วยการฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็น “ฮันเตอร์” เช่นเดียวกับกอร์นนั่นเอง ในแง่ความโดดเด่นของคุราปิก้า นอกจากจะหัวเหลืองและหน้าสวยแล้ว เขายังมีอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ เมื่อใดที่คุราปิก้าโกรธ ดวงตาของเขาจะเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เรียกความสามารถนี้ว่า “เนตรสีเพลิง” อันเป็นความสามารถเฉพาะตัวของคนในเผ่าคูลท์นั่นเอง
อุซึมากิ นารูโตะ
พระเอกหัวเหลืองจากเรื่อง “นินจาคาถา โอ้โฮเฮะ” ผู้มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นโฮคาเงะให้ได้ เป็นเด็กที่มีนิสัยเกรียนๆ ขี้เล่น และรักพวกพ้องที่สุด แต่ก็ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าใกล้เขาเท่าไหร่ เพราะหลายคนต่างก็หวาดกลัวพลังของเก้าหางที่แฝงอยู่ในตัวนารูโตะ ถึงอย่างนั้น นารูโตะก็พยายามฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก จนเริ่มมีคนยอมรับในตัวเขามากขึ้น และหลังจากที่ผ่านมาหลายๆ เหตุการณ์ ที่นารูโตะเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ทั้งเรื่องการบุกโจมตีของกลุ่มแสงอุษา หรือเหตุการณ์สงครามโลกนินจา นารูโตะก็ได้ก่อความดีความชอบไว้มากมาย จนทำให้ได้กลายเป็นวีรบุรุษแห่งหมู่บ้านนินจาโคโนะฮะ และกลายมาเป็นโฮคาเงะรุ่นที่ 7 สมใจอยากนั่นเองครับผม
ดิโอบรันโด
วายร้ายจอมเกรียนที่ใครหลายๆ คนรู้จักกันดี จากเดิมทีเป็นเด็กกำพร้าที่ยากจน จนได้เข้ามาอยู่ในบ้านหรูตระกูลโจสตาร์ในฐานะลูกบุญธรรม ซึ่งดิโอตอนนั้นก็คิดชั่วหวังจะฮุบสมบัติตระกูลโจสตาร์ไว้คนเดียว แถมยังไม่พอ ในตอนหลังที่ดิโอได้ล่วงรู้ความลับของหน้ากากศิลาเข้า ก็ยังคิดจะใช้หน้ากากนี้แปลงร่างเป็นแวมไพร์ และไล่ฆ่ามนุษย์ทั้งหมด สุดท้ายก็โดนโจนาธานจัดการ จนร่างกายของดิโอแหลกสลายเหลือแค่ส่วนหัว แต่ดิโอก็ยังไม่ยอมแพ้อีก คิดจะยึดร่างกายของโจนาธานเป็นของตัวเอง และได้กลับมาในฐานะตัวร้ายอีกครั้งในโจโจ้ภาค 3 คราวนี้ดิโอมีพลังสแตนด์ที่น่ากลัว สามารถหยุดเวลาได้นานถึง 9 วินาที และมาพร้อมกับการยกรถบดถนน และพูดว่า “เปล่าประโยชน์ๆๆๆ” ที่ใครหลายๆ คนชอบล้อกันเป็นมีมนั่นเอง ไม่แปลกใจเลยครับว่าทำไมดิโอถึงกลายเป็นตัวละครที่ใครๆ ก็รู้จัก หุหุ
อากัตสึมะ เซ็นอิทซึ
หนุ่มน้อยผู้ใช้ปราณอัสนี แรกเริ่มเดิมที เซ็นอิทซึไม่ได้หัวเหลืองเหมือนอย่างทุกวันนี้นะครับ แต่มีผมสีดำเหมือนเด็กธรรมดาๆ ทั่วไปนี่แหละ แต่ที่กลายเป็นหัวเหลืองอย่างทุกวันนี้ ก็เพราะถูกสายฟ้าฟาดระหว่างที่เซ็นอิทซึกำลังฝึกใช้ปราณอัสนีอยู่นั่นเอง โดยปกติเซ็นอิทซึเป็นคนที่มีนิสัยขี้ขลาด ไม่กล้าสู้กับใคร แถมยังไม่ค่อยมีความมั่นใจในตัวเองอีก แต่อย่าทำให้เซ็นอิทซึสลบเชียว เพราะนั่นถือว่าเป็นการปลุกให้ ”พลังที่แท้จริง” ของเซ็นอิทซึตื่นขึ้นมา และจัดการฟาดฟันพวกอสูรให้ราบคาบอย่างไม่ปรานี ผิดกับเซ็นอิทซึตอนปกติจริงๆ นอกจากนี้เซ็นอิทซึก็ยังแอบชอบเนซึโกะสุดๆ แถมเวลาที่เนซึโกะ (และทันจิโร่) ไปไหน เซ็นอิทซึก็จะตามไปด้วย ถึงกับทำให้ทันจิโร่ปวดหัวไปพักใหญ่ๆ เลยล่ะครับ อิอิ
ออลไมท์
ฮีโร่อันดับ 1 ของเรื่องที่ใครๆ เห็นก็ต้องร้องอ๋อกันอย่างแน่นอน เป็นผู้มีร่างกายที่แข็งแรงล่ำบึ้ก มีรอยยิ้มยิงฟันอันเป็นเอกลักษณ์ และมีพลังอัตลักษณ์ ที่เรียกว่า “วัน ฟอร์ ออล” ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตลักษณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย แต่หลังจากที่ออลไมท์สู้กับวิลเลินคนนึงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ออลไมท์ก็คิดจะเกษียณตัวเอง และต้องการมอบอัตลักษณ์ให้ใครซักคน จนได้ไปเจอกับเดกุ (มิโดริยะ อิซึคุ) ที่ได้แสดงความกล้าหาญต่อหน้าเขา จึงได้มอบอัตลักษณ์ วัน ฟอร์ ออลให้กับเดกุ และผันตัวเองจากฮีโร่มาเป็นคุณครูโรงเรียนม.ปลายยูเอที่เดกุเข้าเรียนอยู่แทน แต่หลังจากออลไมท์ยกพลังอัตลักษณ์ “วัน ฟอร์ ออล” ให้กับเดกุไป ออลไมท์กลับกลายเป็นคนที่มีร่างกายผอมแห้ง และอ่อนแอ ผิดกับภาพจำที่ใครหลายๆ คนคุ้นเคยเลยล่ะครับ
อาเธอเรีย เพ็นดราก้อน (เซเบอร์)
ปิดท้ายด้วยตัวละครหัวเหลืองอีกหนึ่งตัวที่เพื่อนๆ น่าจะเห็นหน้าเห็นตากันบ่อยมากที่สุดในซีรีส์ Fate แล้ว ซึ่งก็คือ “อาเธอเรีย เพ็นดราก้อน” หรือที่มักจะเรียกกันในอีกชื่อนึงว่า “เซเบอร์” นั่นเอง เดิมทีอาเธอเรียเป็นวิญญาณวีรชนในร่างผู้หญิงของ “กษัตริย์อาเธอร์” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเกาะอังกฤษนั่นเอง สำหรับบทบาทของเธอ ต้องบอกเลยว่าเธอปรากฎตัวออกมาค่อนข้างบ่อยมากๆ จนแทบจะมีคนกล่าวว่าเธอคือมาสค็อตประจำซีรีส์ Fate เลยก็ว่าได้ (ฮา) แต่สำหรับบทบาทในภาค Zero นี้ เธอปรากฎตัวในฐานะเซอร์วอนท์คลาส เซเบอร์ (ผู้ใช้ดาบ) ของ เอมิยะ คิริซึงุ พระเอกประจำเรื่องที่จะต้องเข้าร่วมสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์ด้วยเหตุผลบางอย่าง ถ้าเพื่อนๆ อยากเห็นสงครามที่จับเอาเหล่าวีรบุรุษผู้เป็นตำนานในอดีตมาสู้กันแบบแบทเทิลรอยัลละก็ ขอแนะนำซีรีส์นี้เลยจ้า
.
ปล. จริงๆ Fate ยังมีอีกหลายภาคด้วยนะ เช่น ภาค Stay Night, ภาค Apocrypha หรือภาค Grand Order ที่มาจากเกม เป็นต้น บอกเลยว่าสนุกทุกภาคเลยครับ ถ้าได้อ่านภาคใดภาคนึงแล้ว จะต้องหยิบภาคอื่นๆ มาอ่านต่อแน่นอนครับผม