นกที่ตื่นเช้าย่อมจับหนอนได้ก่อนใคร แต่คนที่ตื่นมาออกกำลังกายตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้น หรือบางทียังไม่ขึ้นด้วยซ้ำนั้นอาจจะได้ประโยชน์ไม่เท่าคนที่ออกกำลังกายตอนเย็นนะ
หลายคนอาจสงสัยว่า จะออกกำลังกายเวลาไหน มันแตกต่างกันด้วยหรือ แล้วออกกำลังกายในตอนเช้ามันก็น่าจะดีกว่าตอนเย็น เพราะอากาศสดชื่นกว่าตั้งเยอะ แต่จากการศึกษาพบว่า การออกกำลังกายตอนเช้าหรือตอนเย็นนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด
ตับต้องทำงานหนักมาก เนื่องจากตอนที่เรานอนหลับ ตับจะทำหน้าที่เปลี่ยนสารอาหาร เช่น เปลี่ยนน้ำตาลเป็นไกลโคเจน หรือโปรตีน เป็นฟอสฟาเจน ดังนั้นเมื่อตื่นนอนในตอนเช้าเราจึงไม่มีพลังงานเหลืออยู่ในหลอดเลือด ถ้าไปออกกำลังกายหลังตื่นนอน ตับก็ต้องดึงสารอาหารที่เก็บไว้เมื่อคืนออกมาใช้ใหม่ ถ้าเป็นอย่างนี้ประจำทุกวัน ตับจะต้องทำงานหนักและไม่ได้พักเลย แต่การออกกำลังกายตอนเช้าก็มีข้อดีคือ พลังงานในตัวคุณจะถูกกระตุ้นเพื่อใช้ตลอดวัน โดยวิธีช่วยไม่ให้ตับต้องทำงานหนักก็คือ เราควรรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกาย 2 ชั่วโมง ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ เช่น ถ้าต้องการออกกำลังกายตอน 6 โมงเช้า คุณก็ต้องตื่นมารับประทานอาหารตั้งแต่ตี 4
ร่างกายจะมีพลังงานสะสมจากอาหารเช้าและกลางวันอยู่ในปริมาณที่มากพอที่จะสามารถออกกำลังกายได้ทั้งหนักและเบา โดยที่เราไม่จำเป็นต้องกินอาหารล่วงหน้าเหมือนการออกกำลังกายตอนเช้า แต่การออกกำลังกายตอนเย็นมีเคล็ดลับอยู่ว่า หลังจากออกกำลังกายเสร็จแล้ว ให้ดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง โดยดื่มทีละนิดจนรู้สึกอิ่ม ซึ่งจะทำให้เราไม่รู้สึกหิวเมื่อกลับถึงบ้าน นอกจากจะลดความอยากอาหารได้แล้ว เมื่อถึงเวลาเข้านอนก็จะเหลือสารอาหารน้อยที่สุดด้วย ตับจึงไม่ต้องทำงานหนัก สารอาหารไม่มีไปเก็บตามที่ต่างๆ จึงไม่ทำให้อ้วน และเป็นวิธีลดไขมันได้ดี
อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรือถูก ขึ้นอยู่กับความสะดวกและผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น ถ้าต้องการลดความอ้วนก็น่าจะต้องออกกำลังกายตอนเย็นจะดีกว่า เพียงแต่ถ้าชอบตอนเช้ามากกว่า ก็ต้องทานอาหารเย็นก่อนหน้านั้นให้ได้ประโยชน์เต็มที่ และพักผ่อนมากๆ ในขณะที่ถ้าชอบตอนเย็น ก็ต้องทานอาหารให้เหมาะสมในระหว่างวัน และต้องเคร่งครัดกับตัวเอง อย่าให้ปาร์ตี้หรืองานต่างๆ มาขัดขวางเวลานัดออกกำลังกายของคุณ