ในปี 2012 เอมี คัดดี้ นักจิตวิทยาสังคมและอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดขึ้นเวที Ted Talk เล่าถึงงานวิจัยเกี่ยวกับภาษากายที่เธอศึกษาอยู่ ตอนท้ายของการพูด เอมี่เล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอประสบอุบัติทางรถยนต์เมื่ออายุ 19 ปี ซึ่งทำให้เธอบาดเจ็บทางสมองอย่างรุนแรงและไอคิวลดลงอย่างมาก จากเด็กสาวอัจฉริยะอนาคตสดใส มีความสุขและมั่นใจในตัวเอง เธอกลับประสบปัญหาในการเรียนและเรียนจบหลังเพื่อนรุ่นเดียวกันถึงสี่ปี เมื่อเธอเรียนต่อที่พรินซ์ตันและยังขาดความมั่นใจในตัวเองจนเกือบที่จะทิ้งการเรียน เธอได้รับคำแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษาว่าเธอต้อง “แกล้งทำ (เป็นคนเก่ง) จนเป็นอย่างนั้นจริงๆ” เธอปฏิบัติตามจนแก้ปัญหาของตนเองได้ และเป็นจุดเริ่มต้นให้เธอศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง
สิ่งที่เธอพูดใน Ted Talk จับใจคนจำนวนมากที่ขาดความมั่นใจในตัวเองด้วยเหตุต่าง ๆ กัน เอมี่กลายเป็นคนมีชื่อเสียง และเป็นแรงบันดาลใจให้เธอเขียนหนังสือเล่มนี้เพื่อขยายความสิ่งที่เธอพูดได้ไม่หมดบนเวทีซึ่งมีเวลาจำกัดโดยยกงานวิจัยที่น่าสนใจหลายชิ้น และชีวิตของคนที่ชื่อเสียงหลายคนมาประกอบให้ผู้อ่านเข้าใจได้ชัดเจน
“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” เป็นสำนวนที่เราได้ยินเสมอ และมักเชื่อเช่นนั้น จิตใจที่มั่นคง เข้มแข็งย่อมดึงร่างกายให้ลุกขึ้นมาสู้กับอุปสรรคนานาที่ดาหน้าเข้ามา ในทางกลับกัน จิตใจที่อ่อนแอ อ่อนล้าอาจทำให้ร่างกายปวกเปียก ฝืนลุกมาสู้กับปัญหาได้ยาก เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้นำเสนอแนวคิดตรงข้ามกับสำนวนไทยข้างต้น เอมี่เชื่อว่าท่าทางหรือภาษากายของเราเรียกความมั่นใจได้ ทำให้เรามีสติ อยู่กับปัจจุบันขณะ และเอาชนะความเครียด ความกลัวและภาวะทางอารมณ์ที่เป็นลบทั้งหลายได้ในที่สุด นอกจากนี้ หากเราเรียนรู้ว่าท่าทางใดแสดงถึงพลังอำนาจ การปรับท่าทางเพียงเล็กน้อยอาจจะส่งผลให้ใจของเรามีกำลังจะเอาชนะอุปสรรคที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้
หนังสือเล่มนี้เหมาะกับผู้ที่สนใจจิตวิทยา ผู้ที่ขาดความมั่นใจ ผู้ที่ต้องการเอาชนะอุปสรรคในชีวิตประจำวัน รวมทั้งผู้ที่มีคนใกล้ชิดที่กำลังเผชิญปัญหาทางใจ
จุดขายสำคัญคือ TED Talk ของผู้เขียน (Amy Cuddy) เป็นหนึ่งใน TED Talk ที่มียอดวิวสูงสุดตลอดกาล (Forever Most-viewed TED Talks)